-------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ
ศ. ดร. นายแพทย์วิทยา นาควัชระ : ผู้เขียน
โอโซนความสุข. สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ GOODBOOK.
พิมพ์ครั้งที่สาม กุมภาพันธ์ 2547
-------------------------------------------------------------------------------------------
วิธีดำเนินชีวิตในภาวะวิ กฤตทางเศรษฐกิจ
ถ้าพวกที่คิดจะสู้กับชีวิตในยุ
1.ให้รับความจริง จงเข้าใจเหตุการณ์ขนะนี้และรั
2.มองโลกในแง่ดีและมีความหวัง จงคิดว่าชีวิตมีสองด้านคือด้ านมืดและด้านสว่างเสมอ
•เมื่อมีรวยก็มีจน มีลำบากก็มีสบาย
•ไม่มีใครทุกข์ที่สุด และไม่มีใครสุขที่สุด
•นึกไว้เสมอว่าชีวิตเราจะดีขึ้น
3.ต้องมีอารมณ์ขัน
ถ้าขาดอารมณ์ขัน ชีวิตจะห่อเหี่ยว การมองโลกและชีวิตด้วยความเข้ าใจและมีอารมณ์ขัน
จะทำให้เรามีทางออก มีทางรอด ซึ่งเป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต
จะทำให้เรามีทางออก มีทางรอด ซึ่งเป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต
คนจะมีอารมณ์ขันได้ต้องมีลั กษณะดังนี้
ก) ลดตัวเองเป็นเด็กได้บ้าง ไม่จริงจังหรือคิดอะไรเป็นเหตุ เป็นผลมากนัก
ข) มองโลกในแง่ดี
ค) อภัยตัวเองและคนอื่นได้ เลิกจับผิดตัวเองและคนอื่น
4.ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้ อมให้ได้ โดยใช้วิธีคิดว่า "อยู่แบบคนจน จะไม่มีวันจน อยู่แบบคนรวย
จะไม่มีวันรวย”
จะไม่มีวันรวย”
วิธีสร้างกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต
ให้มองซ้ำ คิดซ้ำ จนเกิดความเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีและเก่งด้วยความดี
หรือความภาคภูมิใจที่ตัวเองเคยได้ทำมาแล้ว
2.ฝันให้เห็นภาพของความสำเร็จเสมอ เมื่อจะลงมือทำอะไรก็เห็นตัวเองกำลังประสบความสำเร็จในสิ่งนั้น
3.มีความรักที่จำทำกิจกรรมต่างๆเสมอ
4.ลงมือทำกิจกรรมเสมอ
อย่าดีแต่คิด
อย่าดีแต่พูด
ต้องลงมือทำด้วย
ถ้าทำแล้วได้ผลดี ก็จำไว้ และทำต่อไป
ถ้าทำแล้วไม่ได้ผลดีหรือไม่ประสบความสำเร็จก็ให้บอกกับตัวเองว่าสิ่งนั้นคือประสบการณ์ ไม่มีคำว่าล้มเหลว
5.ชมตัวเองทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรลงไป
ไม่ว่าจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่บรรลุเป้าหมายก็ตาม จงชมตัวเองว่าเรากล้าหาญที่ลงมือทำ
ถ้าทำสิ่งใดแล้วได้ผลลัพธ์ไม่ดี อย่าตำหนิตัวเองหรือท้อใจให้ปลอบใจตัวเองว่า "ไม่เป็นไร"
หรือ " ช่างมัน "
เมื่อให้กำลังใจตัวเองแล้ว. อย่าลืมให้กำลังใจคนอื่นด้วย
วิธีได้บุญหลายทอด
ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากแฟนหนังสือของผม เขียนมาดังนี้
เรียน ศ. ดร. นพ. วิทยา นาควัชระ ที่เคารพ
หนูเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง "คนรู้ใจ" ของคุณหมอจบลง โดยอ่านอัดลงเทปให้คนตาบอดฟัง แจกให้คนตาบอด 3 ที่ คือห้องสมุดคอนฟิลด์เพื่อคนตาบอด ปากเกร็ด
ห้องสมุดคนตาบอดซอยบุญอยู่ ดินแดง และโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ
อยากเรียนให้คุณหมอทราบว่า เพื่อนอาสาสมัครของหนูคนหนึ่ง ได้นำหนังสือ "อยู่อย่างสง่า"
ที่คุณหมอเขียนไว้กำลังขายดีตามร้านขายหนังสือมาอ่านลงเทปแล้ว
ตอนนี้กำลังอัดสำเนาแจกจ่ายไปหลายๆที่ เพื่อให้คนตาบอดได้ฟังและนำข้อคิดไปดำเนินชีวิต
ให้มีคุณค่ามากขึ้น
ลักษณะของความคิดที่ดีๆ
1.ความคิดเพื่อการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
2.ความคิดอภัยความผิดพลาดของตนเองและผู้อื่น
3.รู้จักคิดให้กำลังใจตนเองและผู้อื่น
4.รู้จักคิดชมเชยตนเองและคนอื่น
5.คิดเป็นมิตรกับตนเอง รักตนเอง และผู้อื่นได้
6.รู้จักคิดในแง่บวกให้มากขึ้น
7.คิดว่างานที่คุณกำลังทำหรือสถานภาพที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้น มีความสำคัญทั้งนั้น
8.ให้คิดแบบคนสำคัญหรือคนเก่งของโลกเขาคิดกัน
ความคิดแบบคนสำคัญ มักคิดการณ์ใหญ่ คิดว่าทำได้ และลงมือทำเสมอ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
หาทางพัฒนาความคิดและทำต่อไป
เขาจะคิดแบบคนใจกว้าง รับฟังความคิดคนอื่นๆ
แล้วรวบรวมคัดสรรมาเป็นความคิดที่เหมาะสมได้
คนพวกนีันอกจากคิดได้แล้ว เขาจะลงมือทำทันที เดี๋ยวนั้นเลย ผลงานจึงมากกว่าคนอื่นๆ
ถ้าเกิดอุปสรรคเขาก็ไม่โทษคนอื่น แต่จะหาทางศึกษา พัฒนาแนวทางใหม่
และเขาจะหาทางลดอุปสรรคของความสำเร็จลง
ในช่วงหนึ่งได้มีนักเรียนส่งจดหมายมาหาผม เขาชื่อว่า "อรรณพ" เขาได้เล่าว่า
"กระผมเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ 3 ขวบ กระผมจึงต้องไปอยู่กับยาย
กระผมมีความสุขดี และช่วงเวลานี้เองที่กระผมมีความสุขมาก มากที่สุดในชีวิต
กระผมจึงรักยายมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสบายทางกายเลยก็ตาม
ยายของผมเป็นอัมพฤกษ์ ผมจึงต้องทำงานบ้าน ซักผ้า ล้างจาน และปรนนิบัติยาย
อยู่อย่างเด็กที่ค่อนข้างมีปมด้อย แต่ตัวผมไม่รู้สึกเลย"
พิการกาย แต่ใจไม่พิการ
เพื่อนคนนี้พวกเราทราบดีว่าเธอประสบอุบัติเหตุตกหลังช้าง เพราะนั่งช้างเมื่อคราวไปเชียงรายหลายปีแล้ว เธอเป็นอัมพาตที่ขาทั้งสองข้าง เดินไม่ได้ ใช้มือไม่ได้ดี
หลายปีมาแล้วเธอก็พยายามช่วยตัวเองและช่วยสังคมคนพิการในหลายๆด้าน
เธอจัดรายการวิทยุ "สาระจากคนพิการ"
เธอเขียนหนังสือเพื่อให้ผู้คนเข้าใจคนพิการ เช่น สานฝันคนพิการ หวานอมขมกลืนคนพิการ เพื่อนำเงินช่วยเหลือคนพิการ
วิธีแก้ไขวิบากกรรมและความทุกข์เหล่านี้คือ
1.ต้องถ่อมตน ถ่อมใจรับความจริง
2.ให้รีบทำความดีมากขึ้น
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อที่พ่อสอนไว้ "นิสัยแห่งความดี"
ด้านต่างๆ ดังนี้
1. ความเพียร
ถึงแม้อรรณพจะเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกัน และอยู่กับยายที่เป็นอัมพฤกษ์ แต่อรรณพก็ไม่คิดว่าตนมีปมด้อย แถมยังทำงานทุกอย่างอีกด้วย
2. ความพอดี
ตามที่ผู้เขียนได้กล่าวว่า "การอยู่แบบคนจน คือ ขยัน อดทน ประหยัด มีวินัยในชีวิต ลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ" จะทำให้ฐานะมั่นคง หรือดีขึ้นในสักวัน
3. ความรู้ตน การที่ผู้เขียนได้นำความรู้ที่มีมาปรับใช้ในการเขียนหนังสือ
4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
การที่แฟนหนังสือได้อ่านหนังสือและอัดลงเทป เพื่อแจกให้คนตาบอดตามสถานที่ต่างๆ
5. อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
ในตอนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงความคิดที่ว่าเรียนจบแล้วต้องช่วยตัวเอง และรับใช้ผู้อื่น
6. พูดจริงทำจริง
ในตอนที่เป็นการฝึกการสร้างกำลังใจ คือให้ลงมือทำกิจกรรมเสมอ
ไม่ดีแต่คิดหรือพูด ต้องลงมือทำด้วย ถ้าทำแล้วได้ผลดี ก็จำไว้ และทำต่อไป
7. หนังสือเป็นออมสิน
การนำสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ดำเนินชีวิตให้มีคุณค่ามากขึ้น
8. ความซื่อสัตย์
ตอนที่ได้บอกว่างานที่กำลังทำหรือสถานภาพที่กำลังเป็นอยู่นั้น มีความสำคัญทั้งนั้น เพราะกำลังทำหน้าที่ของชีวิต เพื่อให้โลกนี้ดำเนินต่อไปได้
9. การเอาชนะใจตน
การที่คิดว่าตัวเองดี และมีความดี ทำให้มองเห็นอุปสรรคเป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถสู้ได้ ถึงสู้ไม่ได้ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และให้บอกกับตัวเองว่า สิ่งนั้นคือประสบการณ์
รู้สึกมีกำลังใจในการใช้ชีวิตขึ้นเยอะเลยครับ
ตอบลบ