40 คนดังสร้างนิสัยดี




   
---------------------------------------------------------------------------------------------------------


                 ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ
               
                       จอง,มีกึม. 40 คนดังสร้างนิสัยดี. --กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2553.
                       176 หน้า. --(ชุดเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคต)
                       1. จิตวิทยาเด็ก.  2. การพัฒนาตนเอง. I. อารีวรรณ ธรรมธร, ผู้แปล.  II. ชื่อเรื่อง.
                 155.41

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


        นิสัยดีสร้างได้ไม่ยาก หากเรียนรู้และปฏิบัติตามเป็นประจำ
พบกับความล้มเหลวที่นำไปสู่ความสำเร็จ  
        40 คนดังสร้างนิสัยดี รวบรวมเรื่องราวบุคคลสำคัญของโลก อันเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตน
เพื่อสร้างนิสัยที่ดีเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง นิสัยที่ดีเพื่อผู้อื่น นิสัยที่ดีสำหรับสร้างอนาคต
ตลอดจนนิสัยที่ดีที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก และยังสอดแทรกคำคมชวนคิดให้คิดตามอีกด้วย

               
ต้องสะสมไปทีละขั้น 


    “ฉันจะไปจากอิตาลี” 

    โยฮันน์ วอลฟ์กัง ฟอน เทอเกอ พูดกับเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานอยู่ในงานเลี้ยง 
    “ทำไมล่ะ นายเป็นที่เคารพของทุกคน เป็นสมาชิกคณะบริหารเมืองแห่งไวมาร์
และเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ จะทิ้งอิตาลีไปงั้นหรือ นายจะทิ้งสิ่งที่พรั่งพร้
อมแบบนี้ทำไม” 

     เพื่อนๆไม่เข้าใจเกอเทอเลย      
    “คนที่ไม่พยายามเขียนหนังสือให้ดี เรียกว่านักเขียนไม่ได้หรอก
ฉันพยายามสร้างผลงานที่ทรงคุณค่
าจนกระทั่งหมดลมหายใจ แต่จะทำงานให้ดีได้
ฉันต้องสร้างความมุ่งมั่นขึ้นมา หากไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็
คงไม่ได้ 
ดังนั้นฉันจึงต้องไปจากอิตาลี” 
     เกอเทอคิดเสมอว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเป็นนักเขียน
ตลอดชีวิตของเกอเทอล้วนมีแต่
ความพยายาม
     ดังนั้นผลงานที่เกิ
ดจากความพยายามของเขาอย่าง “เวอร์เทอร์ระทม” จึงสะเทือนจิตใจผู้อ่าน
และได้รับการตอบรับอย่างดี 

     ถึงกระนั้นเกอเทอยังไม่หยุดแค่นี้ เขายังพยายามอย่างต่อเนื่องโดยการออกจากอิตาลี 
และเดินทางเพื่อสร้างผลงานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า 
โดยเฉพาะผลงานเรื่อง “เฟาสท์” ที่เริ่มเขียนตั้งแต่อายุ 23 ปี และเสร็จสมบูรณ์เมื่ออายุ 83 ปี 
กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกชิ้นหนึ่ง 
    ตลอดชีวิตของเกอเทอไม่เคยหวั่นไหวต่อคำพูดของใคร 
หากแต่มีความพยายามมากกว่าคนอื่น เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง 
    จึงกล่าวได้ว่าผลงานอันยิ่งใหญ่ของเกอเทอเกิดขึ้นจากความพยายามโดยแท้


ฉันมีน้อยไปหรือ 

    สภาพครอบครัวของชาร์ลี แชปลินยากจน เขาจึงต้องทำงานพิเศษทุกอย่
างเพื่อหาเงินมาตั้งแต่เด็ก 

    “ชาร์ลี ไปเดินเล่นกับแม่มั้ย” 
    แม่พูดอย่างอ่อนโยน 
    “ครับ” 
    ชาร์ลีจึงออกมานอกบ้านกับแม่ 
    “แม่ไม่มีเงินซื้อของเล่นให้ลูกเลย” 
    แม่มองเด็กชายที่ถือของเล่นเดินผ่านไปแล้วพูดขึ้น 
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ได้ออกมาเดินคุยกับแม่แบบนี้สนุกกว่าเล่นของเล่นตั้งเยอะ
ฟังเด็กคนนั้นพูดสิครับ เขาน่าจะอายุพอๆกับผม แต่ยังพูดจาเป็นเด็กๆอยู่เลย” 

    ชาร์ลีเพลิดเพลินกับการได้ออกมาเดินเล่นกับแม่ซึ่งเป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง
แม่สร้างจินตนาการเกี่ยวกับคนที่
ได้พบเห็นให้ชาร์ลี ซึ่งเขาสนใจผู้คนและมีความสามารถ
ในการสังเกตที่โดดเด่
น ทำให้เขาสนุกกับช่วงเวลานั้นมาก และสิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่
เมื่อเขากลายเป็นนั
กแสดงภาพยนตร์ในเวลาต่อมา 

    ชาร์ลี แชปลินเป็นคนที่ไม่โลภ เพราะเขาพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
และแชปลินก็สามารถมาถึงจุ
ดหมายที่เขาต้องการได้ด้วยความคิดในแง่ดีนี้เอง 

    ชาร์ลีตามคุณแม่ไปยืนอยู่บนเวทีเป็นประจำตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาอายุเพียง 14 ปี ก็ได้รับการยอมรับ
และเป็นที่รั
กของผู้คนมากมาย ภายหลังเขาได้กำกับภาพยนตร์ถึง 70 เรื่อง
และแสดงภาพยนตร์อย่างมีเอกลั
กษณ์เฉพาะตัว
    ชาร์ลี แชปลินที่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
และใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และมีผลงานมากมาย



บำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น 

   วันหนึ่งแอลเบิร์ต ชไวท์เซอร์ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับคนผิวดำที่เจ็บป่วยแต่ไม่ได้รับการรักษา 
   “เวลาที่ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นมาถึงแล้ว” 
   ชไวท์เซอร์มีความสามารถรอบด้าน เขาเป็นทั้งนักปรัชญา นักดนตรีออร์แกน และนักเทววิทยา
แต่เขาก็ยังเริ่มศึกษาความรู้
ใหม่ เพราะจำเป็นต่อการขอใบรับรองวิชาชีพแพทย์
โดยเฉพาะการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่
องโรคในเขตร้อน
   จนในที่สุดเขาก็ได้ใบรับรองเพื่
อรักษาผู้ป่วยผิวดำในแอฟริกา 

  “สัญญากับพระเจ้ามาตั้งแต่เด็กว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลและบริการคนอื่น
ตอนนี้ได้เวลาทำตามสัญญาแล้วสิ
นะ” 

   ชไวเซอร์ตั้งโรงพยาบาลลัมบาเรเน ริมแม่น้ำโอโกเว ในแอฟริกา ซึ่งยังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย 
เขาเริ่มเปิดให้การรักษาพยาบาล เพราะเชื่อว่าในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความเจริญ
ชีวิตของทุกคนต่างก็สำคัญ 

   ทันทีที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เปิดฉากขึ้น ชไวท์เซอร์ก็ถูกจับตัวไปเป็นเชลยที่ประเทศฝรั่งเศส
ด้วยข้อหาว่าเขาเป็นคนฝรั่
งเศสที่เข้าข้างฝ่ายเยอรมัน
แต่เมื่อเรื่องราวของเขาในแอฟริ
กาถูกเผยแพร่ออกไป เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมาย
จนชไวท์เซอร์ได้กลับไปลั
มบาเรเนอีกครั้ง 

   โชคร้ายที่โรงพยาบาลพังพินาศหมดแล้ว เขาจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดสร้างโรงพยาบาลใหม่
และรักษาผู้ป่วยด้วยความตั้
งใจอย่างมาก 

   หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น “นักบุญแห่งป่าดงดิบ” และยังได้รับรางวัลเกอเทอ
และรางวัลโนเบลอีกด้วย 

   “ได้เงินรางวัลมาแล้ว คราวนี้ก็รักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนได้แล้ว” 
ไวท์เซอร์ที่อุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าใครๆ



การกระทำที่งดงามที่สุดในโลก
   
     
"คาร์เนกีจะขายบริษัทแล้วนะ"
      "ทำไมล่ะ บริษัทของคาร์เนกีไม่ใช่บริษัทเหล็กกล้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหรอ
เขาจะขายบริษัทที่เข้มแข็งและรุ่
งเรืองแบบนั้นทำไมนะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
สงสัยจะขายทิ้งเพื่
อเอากำไรมหาศาลล่ะมั้ง"

      ผู้คนฟังข่าวครึกโครมและต่างก็สงสัย
      แต่แอนดรูว์ คาร์เนกีไม่ได้ยึดติดกับบริษัท เมื่อเขาขายทรัพย์สมบัติแล้วกลับรู้สึกมีความสุข
มากกว่าตอนที่
ตั้งบริษัทใหญ่โตในระยะเวลารวดเร็วเสียอีก

      "บริษัทประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เพราะเกิดจากความพยายามของฉันของเดียว
แต่เป็นเพราะความช่วยเหลือจากทุ
กคน ดังนั้นต้องแบ่งทรัพย์สินของฉันให้ผู้คนเหล่านี้ด้วย
เงินมหาศาลที่ได้จากการขายบริษั
ทจะช่วยพวกเขาได้มั้ยนะ"

      คาร์เนกีวางแผนตั้งบริษัทเหล็กกล้าขนาดใหญ่กับพนักงานจนสำเร็จอย่างที่เขาตั้งใจ
จากนั้นเขาคิดจะขายบริษัทเหล็
กกล้านี้และใช้เงินเพื่อคนทั่วโลก

      คาร์เนกีสนใจเกี่ยวกับการลงทุนทางด้านการศึกษาและวัฒนธรรมเป็นอย่างยิ่ง
เขาบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัย ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลก
และก่อตั้งสถาบันคาร์เนกีเพื่
อวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ 

และสร้างมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ 
      การบริจาคของคาร์เนกีได้สร้างโอกาสทางด้านการศึกษาและวัฒนธรรมให้คนมากมาย
      "ผมยิ่งมีความสุขที่ได้ใช้เงินช่วยเหลือคนอื่นมากกว่ามีเงินจำนวนมาก"
เมื่อคาร์เนกีได้เห็นสีหน้าอันสดใสของคนที่ได้พบในห้องสมุดและโรงเรียนที่เขาเป็นผู้บริจาคเงินให้ 
ก็คิดว่าการขายบริษัทเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว



การล่อลวงของปีศาจ

       สาวน้อยวิลมา รูดอล์ฟ ขาพิการ 1ข้าง เพราะเธอเป็นโปลิโปตั้งแต่ 4 ขวบ
ถึงครอบครัวของเธอจะยากจน แม่ของวิลมาก็ยังพาเธอไปโรงพยาบาลที่อยู่ไกลแสนไกล

      "แม่ไม่หนื่อยหรอคะ"วิลมาถามและเสียใจที่ทำให้แม่ต้องเหนื่อย เพราะแบกเธอไว้บนหลัง
      "ไม่เป็นไรหรอก ลูกเบายังกับนุ่นเลย ถ้าเรายอมแพ้ ก็คงทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง
ถึงการรักษาที่โรงพยาบาลจะทำให้ลูกเจ็บปวดแค่ไหน ก็อย่ายอมแพ้นะ เข้าใจไหม"

      "ค่ะ"
      วิลมาซึ่งอยู่บนหลังที่แข็งแรงของคุณแม่ได้เรียนรู้ว่า ถึงจะมีเรื่องยากลำบากแค่ไหน
ก็ต้องไม่ยอมแพ้

      จากการช่วยเหลือของครอบครัว และความพยายามของตัวเธอเอง
ในที่สุดวิลมาจึงเดินได้เหมือนคนอื่นๆ และสภาพร่างกายของเธอก็ดีขึ้น
ถึงขนาดที่เข้าแข่งขันกีฬาประเภทลู่ในระดับมัธยมปลายได้

      แต่คนที่มั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างวิลมาก็ไม่เคยชนะการแข่งขันเลยสักครั้ง
      "ฉันมั่นใจเรื่องกีฬามากกว่าใคร แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ"
      วิลมาประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่
      คนที่อิจฉาวิลมาพูดว่า
      "เธอคงไม่มีพรสวรค์ด้านกีฬาหรอก ไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย"
      แต่วิลมากลับคิดว่า
      "ฉันไม่ชนะการแข่งขันคราวนี้ก็เพราะความสามารถของฉันยังไม่ถึงขั้น แต่ถ้าฝึกซ้อมมากกว่านี้
ฉันก็จะชนะได้ ฉันจะไม่ยอมแพ้เพราะความผิดหวังเล็กน้อยแค่นี้หรอก"

      ในที่สุดความพยายามอันยาวนานก็ทำให้เธอได้เข้าแข่งขันโอลิมปิก และสร้างสถิติโลกใหม่
จนกลายเป็นนักกีฬาระดับโลกที่ได้รับเหรียญทองมากมาย





ความขยันสำคัญกว่าพรสวรรค์
 
    ครอบครัวของแซมวล วอลตันยากจนมาก ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานพิเศษตั้งแต่ยังเด็ก

    "แซม ขอโทษนะที่ส่งลูกเรียนมัธยมปลายไม่ได้"
    พ่อแม่ของวอลตันเสียใจ แต่วอลตันกลับไม่รู้สึกเศร้า

    "อย่ากังวลไปเลยครับ ผมยังมีขาที่ขยันขันแข็งตั้งสองข้าง"
    วอลตันจึงต้องทำงานพิเศษหาเงินค่าเล่าเรียนและไปโรงเรียนตามปกติ
    "แซม ไม่เหนื่อยบ้างหรอ"
    เพื่อนของวอลตันถาม เพราะหลังจากเลิกเรียน เขาก็ต้องไปทำงานพิเศษอีก
    "ไม่เหนื่อยหรอก ตอนนี้ร่างกายเริ่มชินกับงานแล้ว ถ้าไม่ทำสิจะยิ่งรู้สึกแปลก"
    ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรวอลตันก็ไม่เกี่ยง ทุกคนมีเวลาเท่ากัน
แต่คนที่ขยันเสมอต้นเสมอปลาย จะทำงานได้มากกว่าคนที่ขี้เกียจหลายเท่า

    วอลตันคุ้นเคยกับการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ 
เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็ตัดสินใจเป็นพ่อค้า
    ในระยะแรกเขาคิดที่จะเปิดซูเปอร์มาร์เกตเล็กๆ จึงออกเดินทางเพื่อศึกษาเทคนิคของร้านค้าต่างๆ ก่อนที่จะเปิดร้าน
    "การขายของดีและราคาถูกเป็นพื้นฐานของการค้า เพราะฉะนั้นเราต้องรับแต่ของมีคุณภาพ
และราคาถูกมาขาย"

    วอลตันขับรถบรรทุกเก่าๆ  ไปในทุกที่ที่มีของคุณภาพดีและราคาถูกเพื่อรับมาขาย
ในที่สุดความขยันหมั่นเพียรของวอลตันก็นำผลอันยิ่งใหญ่มาให้ 

เพราะร้านค้าปลีก "วอลมาร์ต" ของเขาสามารถขยายสาขาได้มากมาย


     
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อที่พ่อสอนไว้ "นิสัยแห่งความดี"
ด้านต่างๆ ดังนี้



1. ความเพียร
    ถึงแม้วิลมา รูดอร์ฟ จะเคยประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่ แต่ก็พยายามฝึกซ้อมอย่างมาก
จนกลายเป็นนักกีฬาระดับโลก


2. ความพอดี

   สภาพครอบครัวของชาร์ลี แชปลินยากจน เขาจึงต้องทำงานพิเศษทุกอย่างเพื่อหาเงินมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นเขากลายเป็นนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ และมีผลงานชั้นนำหลายเรื่อง
แต่ถึงตอนนี้เขาก็เป็นคนที่ไม่
โลภเพราะเขาพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่


3. ความรู้ตน

   วอลตันคุ้นเคยกับการค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัย
ก็ตัดสิ
นใจเป็นพ่อค้า และใช้เทคนิคที่ได้เรียนมานำไปปรับใช้ในการค้าขาย

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
  แอนดรูว์ คาเนกีขายบริษัทเหล็กกล้าขนาดใหญ่ และนำเงินมหาศาลมาบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้คน

5. อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ

  รูดอร์ฟเคยขาพิการเพราะเป็นโปลิโอ แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ พยายามรักษาตัวจนเดินได้เหมือนคนอื่น

6. พูดจริงทำจริง

  แอลเบิร์ต ชไวท์เซอร์ เคยสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลและบริการคนอื่น
เมื่อเขาจบแพทย์ เขาจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดสร้
างโรงพยาบาลลัมบาเรเน เพื่อรักษาผู้ป่วยในแอฟริกา


7. หนังสือเป็นออมสิน
  ตลอดชีวิตของโยฮันน์ วอลฟ์กัง ฟอน เกอเทอล้วนมีแต่ความพยายาม เขาได้พยายามสร้างผลงานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าอย่าง "เฟาสท์" ที่เริ่มเขียนตั้งแต่อายุ 23 ปี และเสร็จสมบูรณ์เมื่ออายุ 83 ปี

8. ความซื่อสัตย์
   สินค้าของแซมวล วอลตัน ไม่ใช่แค่ราคาถูก แต่สินค้าของเขายังมีคุณภาพดีอีกด้วย

9. การเอาชนะใจตน

   วิลมาไม่เคยอ้างว่าเพราะตัวเองเคยพิการจึงประสบความล้มเหลว แต่เธอกลับพยายามและไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดเธอได้ประสบความสำเร็จในการเป็นนักกีฬา

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านง่ายและเข้าใจดี

    ตอบลบ
  2. อ่านเเล้วสอนให้เรามีความพยาม ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

    ตอบลบ
  3. อ่านเเล้วสอนให้เรามีความพยาม ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก

    ตอบลบ
  4. เราสามารถนำไปใช่ในชีวิตของเราได้

    ตอบลบ